แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 17 พฤษภาคม 2553: ราชปรารภ (รางน้ำ-ดินแดง)

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

ในช่วงกลางคืนของวันที่ 17 พฤษภาคม จนกระทั่งเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม กลุ่มผู้ชุมนุมและทหารยังคงมีการเผชิญหน้ากันอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมพยายามรุกเข้าไปในพื้นที่ทหารผ่านการใช้ประทัดยักษ์จุดเพื่อเปิดทาง ทหารจึงเลือกการยิงตอบโต้กลับไป โดยในรายงานข่าวเบื้องต้นปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 1 ราย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการรวบรวมข้อมูลในภายหลังพบว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดสองรายด้วยกัน คือ นายสมพาน หลวงชม อายุ 35ปี และนายเยื้อน โพธิ์ทองคำ อายุ 61 ปี แม้ผู้เสียชีวิตทั้งสองจะไม่มีพยานบุคคล รูปหรือวิดีโอประกอบ แต่จากสถานที่และเวลาการเสียชีวิตที่ใกล้เคียงกัน จึงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเวลาเดียวกัน คือ ประมาณ 21.00 น. ในบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง-ปากซอยรางน้ำของคืนดังกล่าว

อ่านรายงาน ศปช บทที่ 3.2 ความตายที่ราชปรารภ

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 15 พฤษภาคม 2553: ราชปรารภ (รางน้ำ-ดินแดง)

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

ปฏิบัติการของทหารวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ช่วงเช้าอยู่ในที่ตั้งบริเวณปั๊มเอสโซ่ (ปัจจุบันคือคาลเท็กซ์) มีการวางลวดหนามขวางถนนราชปรารภบริเวณทางเข้าซอยรางน้ำ ที่เห็นตั้งแต่ช่วงกลางคืนวันที่14 พอถึงช่วงเช้า เห็นได้ว่าฝ่ายทหารมีการวางแนวกระสอบทรายและแนวกำบังที่อยู่หน้าร้าน “ตั้งเจริญสิน” ซึ่งเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปั๊มน้ำมันเอสโซ่และยังมีทหารอยู่บนสะพานลอยใกล้กับปั๊มเอซโซ่ด้วย ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมและประชาชนที่ออกมาดูเหตุการณ์จะอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและตามซอยต่างๆ ในบริเวณนั้น เวลาประมาณ 7.00 น. ผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธได้เดินไปตามทางเท้าฝั่งตะวันออกเข้าหาแนวทหาร28 ทางฝ่ายทหารได้ยิงใส่ผู้ชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ และมีการยิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่ไม่บาดเจ็บต้องคลานกับพื้นเพื่อหนีจากแนวกระสุน และไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ จนกระทั่งเสียงกระสุนสงบลงในช่วงสายราว10.30 น. จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ เหตุการณ์บริเวณนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายอำพล ชื่นสี นายสมาพันธ์ ศรีเทพ (เฌอ) และ นายสุภชีพ จุลทรรศน์

ส่วนในเหตุการณ์ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.30 น. ทางด้านผู้ชุมนุมได้ยึดรถน้ำจากสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อใช้ขนยางรถยนต์ และกลิ้งยางเข้าไปทำแนวกำบังบนถนนราชปรารภบริเวณปั๊มเชลล์ ซึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าไปในนั้น มีนายชาญณรงค์ พลศรีลา อยู่ด้วย เมื่อมีวางแนวยางได้ซักพัก ทหารได้เริ่มมีการยิงใส่ผู้ชุมนุมจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือนายชาญณรงค์ พลศรีลา และนายอุทัย อรอินทร์ ซึ่งถูกยิงตั้งแต่เริ่มมีการยิงใส่ผู้ชุมนุม และต่อมามีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน คือ นายธนากร ปิยะผลดิเรกซึ่งถูกยิงขณะยืนอยู่บนระเบียงห้องพักของตนเอง ที่ตึกคอนโดเดอะคอมพลีต จากพยานหลักฐาน คาดว่านายธนากร ถูกยิงช่วงหลังจากที่ทหารได้เข้ายึดบริเวณปั๊มเชลล์และจับผู้ชุมนุมจากในปั๊มเชลล์แล้ว

อ่านรายงาน ศปช บทที่ 3.2 ความตายที่ราชปรารภ

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2553: ราชปรารภ (รางน้ำ-ดินแดง)

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

เวลา 09.30 น. บริเวณสะพานลอยข้ามแยกราชปรารภ การ์ด นปช.จุดไฟเผายางรถยนต์ตลอดเวลา และมีข่าวลือเกิดขึ้นว่า ทหารนำกำลังบุกเข้ามาซอยราชปรารภ 20 (วัดตะพาน) ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในกลุ่มเสื้อแดงเตรียมรับมือ หลังจากนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้น มีหญิงอายุประมาณ 50 ปี ที่มีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่ากำลังเก็บขยะอยู่ใต้สะพานลอยข้ามแยกถูกยิงล้มลง คือ นางประจวบ เจริญทิม อายุ 49 ปี

และในคืนวันเดียวกันนี้พบผู้เสียชีวิตอีก 1 รายคือนายปรัชญา แซ่โค้ว ซึ่งทาง ศปช. ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของเขามากนักนอกจากเพียงทราบข้อมูลจากญาติว่าเขาได้ไปส่งแฟนที่สามเหลี่ยมดินแดงในช่วงค่ำและถูกยิงเสียชีวิต

อ่านรายงาน ศปช บทที่ 3.2 ความตายที่ราชปรารภ

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 18 พฤษภาคม 2553: ราชปรารภ (รางน้ำ-ดินแดง)

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 15.10 น. เกิดเหตุระเบิดที่อาจจะเกิดจากกระสุนระเบิดที่ยิงจากเครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79 ที่บริเวณถนนราชปรารภจำนวน 2 จุด โดยจุดแรกเป็นบริเวณจุดสกัดของทหารใกล้กับซอยรางน้ำ ซึ่งมีเสียงระเบิดดังขึ้นประมาณ 2-3 ครั้ง พอถึงเวลาประมาณ 16.35 น. กลุ่มผู้ชุมนุมจากแยกดินแดงที่อยู่บริเวณหน้าโรงแรมเซ็นจูรี่ ได้พยายามเคลื่อนเข้าหาแนวกั้นของทหารบนถนนราชปรารภ โดยมีการนำยางรถยนต์เข้ามาสร้างเป็นแนวกำบัง จึงเกิดการยิงปะทะกันประมาณ 5 นาที จากนั้นผู้ชุมนุมได้ถอยกลับไปที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง อุโมงค์ลอดแยกดินแดง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ในรายงานข่าวจะไม่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต

แต่จากแบบรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายออง ลวิน

อ่านรายงาน ศปช บทที่ 3.2 ความตายที่ราชปรารภ

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 14 พฤษภาคม 2553: สวนลุมพินี

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

ในเช้าของวันที่ 14 พฤษภาคม เวลาประมาณ 9.20 น. ในช่วงเวลานั้นถนนพระราม 4 ยังมีคงมีผู้ใช้รถใช้ถนนพระราม 4 สัญจรผ่านไปมาอยู่เนื่องจากยังไม่มีการประกาศปิดพื้นที่บริษัทห้างร้านบางแห่งยังเปิดทำการปกติ ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนแนวรั้วจากบริเวณสะพานไทย – เบลเยียมเข้าหาเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าตึกอื้อจื่อเหลียง25 และมีการใช้ พลุ ตะไล ยิงจากแนวกระสอบทรายเข้าหาทหาร26ในช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ปฏิบัติการทหารได้เริ่มต้นขึ้นเพื่อเข้าปิดกั้นถนนพระราม 4 ไม่ให้ผู้ชุมนุมสามารถใช้เส้นทางถนนวิทยุเข้าไปในแยกราชประสงค์ได้ โดยทหารได้เข้าผลักดันผู้ชุมนุมออกจากถนนพระราม 4 ช่วงแยกวิทยุ และเคลื่อนกำลังเข้าไปในถนนวิทยุด้านทิศเหนือ ซึ่งข้างในถนนวิทยุนั้นมีกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแนวรั้วเอาไว้บริเวณแยกสารสินด้วย จากการปฏิบัติการของทหารที่ถนนวิทยุทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ที่เข้าปฏิบัติการที่แยกวิทยุตั้งแต่คืนวันที่ 13 แต่ถูกผู้ชุมนุมกดดันจนทำให้ต้องหลบเข้าไปอยู่ในสวนลุมไนท์บาซาถอนกำลังออกมาได้ (และคาดว่าจะรวมถึงทหารที่ติดอยู่ในสวนลุมพินีด้วยเนื่องจากในคืนวันที่ 13 มีภาพเจ้าหน้าที่ติดอยู่ภายในสวนลุมพินีด้วย) ซึ่งในเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 2 คนภายในสวนลุมพินี

และในตอนเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันเดียวกันยังมีผู้เสียชีวิตอีก 1 คนที่บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ซึ่งในบริเวณนั้นนอกจากทหารที่ประจำการอยู่บนสกายวอล์คบนแยกศาลาแดงแล้วเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้มีการเคลื่อนที่เข้าหาผู้ชุมนุม แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่บริเวณแยกศาลาแดง และมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปต้องหาที่หลบและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต

อ่านเพิ่มเติมในรายงาน ศปช บทที่ 3.1: ความตายที่สวนลุมพินี-บ่อนไก่

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 14 พฤษภาคม 2553: ราชปรารภ (รางน้ำ-ดินแดง)

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

สัญญาณความรุนแรงเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น.เป็นต้นไป ที่ทหารเริ่มใช้มาตรการกดดันโดยเริ่มจากการเข้าวางกำลังปิดพื้นที่บริเวณแยกราชปรารภ แล้วจึงมีการแบ่งกำลังเดินแถวเรียงเดี่ยวไปตามฟุตบาทมาจากทางด้านแยกราชปรารภ จนเมื่อไปถึงซอยรางน้ำทหารได้ทำการแยกออกไปตั้งแถวหน้ากระดานทั้งด้านถนนรางน้ำและถนนราชปรารภ เพื่อปิดถนนกันคนเข้ามาในพื้นที่ พร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไปจากพื้นที่ ช่วงเวลาเดียวกันที่แยกซอยรางน้ำมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน พยายามเข้ามาสมทบ ทหารจึงยิงกระสุนยางกันไว้ ต่อมาตำรวจปราบจลาจล (ปจ.) จำนวน 2 กองร้อยเสริมกำลังเข้าสมทบกับทหาร โดยให้ตำรวจตั้งรับอยู่แนวหน้าส่วนทหารตั้งแนวคอยสังเกตตามซอยใกล้เคียงไม่ให้ประชาชนออกมา

ต่อมาทหารเริ่มเคลื่อนมาจากทิศใต้ขึ้นมาทางสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีการยิงขึ้นฟ้าเป็นชุดเพื่อขู่ เสียงปืนรัวเป็นชุดๆ พร้อมกับประกาศเตือนไม่ให้เข้าไปในบริเวณนั้นและให้พื้นที่นี้เมื่อเลิกงานแล้วเขาจึงมาที่สามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเขาได้ให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 15.00 – 16.00 น. ในช่วงที่ทหารเพิ่งเข้าไปในบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ฝ่ายผู้ชุมนุมมีการโห่ไล่และขว้างปาสิ่งของเพื่อไล่ทหารที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง แต่ไม่มีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ทหาร จากนั้นทหารประมาณ 20-30 นาย วางกำลังเป็นแนวคู่ขนานกัน 2 ข้างถนน อยู่บริเวณหน้าโรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค และฝั่งตรงข้าม (บริษัท วิริยะประกันภัย) ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาใกล้เลิกงานจึงมีคนและรถยนต์เข้าออกในบริเวณนั้น ทหารพยายามไล่คนออกจากพื้นที่ พร้อมกันนั้นก็ขัดขวางผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าไปในถนนราชปรารภ โดยทหารประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเตือนว่าหากใครฝ่าฝืนจะมีการใช้กำลัง ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าจะมีการใช้อาวุธปืนหรือไม่ แต่ในภายหลังมีการใช้อาวุธประจำกาย เช่น เอ็ม 16 และทาโวร์ด้วย ซึ่งในช่วงเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต 2 คน และเมื่อทหารได้กลับลงไปตั้งด่านที่ปากซอยรางน้ำแล้วได้มีเหตุการณ์ยึดรถทหารเกิดขึ้นช่วง 18.30 น. จากนั้นในช่วงหัวค่ำถึงก่อนเที่ยงคืน มีผู้เสียชีวิตถึง 5 คน ซึ่งที่บริเวณนี้ในวันที่ 14 เป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 7 คน ซึ่งหากรวมผู้เสียชีวิตที่แยกราชปรารภบริเวณแอร์พอร์ตลิงค์ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของทหารจากสังกัดเดียวกันอีก 4 คน จะสูงถึง 11 คน

อ่านรายงาน ศปช บทที่ 3.2 ความตายที่ราชปรารภ

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 14 พฤษภาคม 2553: บ่อนไก่-พระรามสี่

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

พื้นที่ที่วิกฤติที่สุดแห่งหนึ่งก็คือบริเวณชุมชนบ่อนไก่ ซึ่งตกอยู่ระหว่างกลางของกลุ่มผู้ชุมนุมกับฝ่ายรัฐบาลโดยวันที่ 14 พฤษภาคม ได้เริ่มปิดถนนพระราม 4 มีกองกำลังทหารมาตั้งที่บริเวณคอสะพานไทย –เบลเยียม แยกถนนวิทยุเพื่อป้องกันมวลชนฝ่ายเสื้อแดงเข้าไปที่สีลมหรือราชประสงค์ ขณะที่ฝ่าย นปช. ก็ได้วางแนวหน้าถนนพระราม 4 หน้าธนาคารกรุงเทพกับธนาคารไทยพาณิชย์ และบริเวณใต้ทางด่วนกับย่านคลองเตย หลังจากเริ่มถูกตัดน้ำตัดไฟ ชาวชุมชนบ่อนไก่เริ่มออกจากชุมชนประมาณร้อยละ 80 เหลือเพียงร้อยละ 20 ที่ยังคงอยู่ในชุมชนและรับรู้ถึงการปะทะ ซึ่งประชาชนรายหนึ่งให้ความเห็นว่า “เหมือนอยู่ในสงคราม” เพราะเสียงปืนดังตลอด แต่ไม่สามารถแยกแยะว่าเป็นกระสุนปืนหรือเสียงจากประทัด และมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ชุมนุมกับแนวทหารที่พยายามกระชับพื้นที่ แนวต้านชุมชนบ่อนไก่บนถนนพระราม4 เป็นจุดวิกฤติที่สำคัญ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 คน คือ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง (เสียชีวิตภายหลังเหตุการณ์), นายอินแปลง เทศวงศ์, นายบุญมี เริ่มสุข (เสียชีวิตภายหลังเหตุการณ์) และนายเสน่ห์ นิลเหลืองถูกยิงเสียชีวิต

อ่านเพิ่มเติมในรายงาน ศปช บทที่ 3.1: ความตายที่สวนลุมพินี-บ่อนไก่

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2553: วัดปทุมวนาราม และห้างเซ็นทรัลเวิลด์

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2553 มีการประกาศให้วัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน ผู้ชุมนุมที่ไม่ยังไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้เข้าหลบพักในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ระหว่างนั้นฝ่ายทหารได้ปิดล้อมพื้นที่แยกราชประสงค์ทั้ง 4 ทิศ หน่วยทหารที่อยู่ใกล้กับวัดมากที่สุดคือ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ. ร. 31 พัน 2 รอ.) ประจำอยู่บนถนนพระราม 1 และมีกองพันรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษ ที่ 1 2 และ 3 จากจังหวัดลพบุรี ประจำอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งวางกำลังอยู่บริเวณสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และกองพลทหารราบที่ 9 จากทางด้านเพลินจิตจนมาถึงแยกราชประสงค์

วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทหารเข้าทำการสลายการชุมนุม มีประชาชนเสียชีวิต 6 ราย ภายในวัดปทุมวานาราม และ 1 ราย ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จากสาเหตุขาดอากาศหายใจจากเหตุเพลิงไหม้

อ่านเพิ่มเติมในรายงาน ศปช บทที่ 3.3 ความตายที่ราชประสงค์/วัดปทุมวนาราม

 

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 13 พฤษภาคม 2553: ศาลาแดง-สาธร

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล

ความตายที่ศาลาแดงในวันที่ 13 พฤษภาคม

เมื่อการชุมนุมของ นปช. ดำเนินมาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม ในที่ประชุม ศอฉ. ในตอนเช้าของวันที่ 13 พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ศอฉ. จะทำการปิดล้อมสกัดกั้นพื้นที่รอบแยกราชประสงค์เพื่อกดดันให้ผู้ชุมนุมต้องออกจากพื้นที่ และจะมีการตัดระบบสาธารณูปโภคทุกชนิด ได้แก่ น้ำประปา ไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์ร่วมด้วย นอกจากนี้ พันเอกสรรเสริญยังกล่าวถึงการนำรถหุ้มเกราะมาใช้ว่าไม่ได้นำมาเป็นอาวุธทำร้ายผู้ชุมนุมแต่เป็นการนำมาเพื่อป้องกันการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและอาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ และหากกลุ่มผู้ก่อการร้ายยังพยายามสร้างความรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อาวุธในการควบคุม โดยจะมีการใช้กระสุนจริงหากมีความจำเป็น แต่จะเป็นการยิงทีละนัดเพื่อป้องกันเท่านั้น และเมื่อถึงเวลา 18.00 น.ปฏิบัติการของ ศอฉ. ก็ได้เริ่มขึ้น ในวันเดียวกันนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล และนายชาติชาย ซาเหลา

อ่านเพิ่มเติมในรายงาน ศปช บทที่ 3: ข้อเท็จจริงการเสียชีวิตและความรุนแรง พฤษภา 53

 

แผนที่ผู้เสียชีวิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2553: อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

กดที่ร่างผู้เสียชีวิตเพื่ออ่านรายละเอียดรายบุคคล